Technical - iGothic Girl

วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2556

Apple ID

Apple ID คืออะไร

Apple ID คือ ชื่อผู้ใช้ของคุณเพื่อใช้สำหรับทุกสิ่งใน Apple เช่น ซื้อสินค้าที่ iTunes Store, เปิดใช้งาน iCloud บนอุปกรณ์ทั้งหมดของคุณ, ซื้อของจากร้านค้าออนไลน์ของ Apple, ทำการนัดหมายที่ร้าน Apple Retail, เข้าถึงเว็บไซต์ Apple Support และอื่นๆ 

https://appleid.apple.com/th_TH/


ข้อมูลเบื้องต้น

Apple ID คือชื่อผู้ใช้ที่คุณสามารถใช้สำหรับทุกอย่างที่คุณทำกับ Apple เมื่อคุณสร้างบัญชีสำหรับบริการของ Apple อย่างเช่น iCloud หรือ App Store คุณจะสร้าง Apple ID ด้วย Apple ID เดียวกันจะช่วยให้คุณเข้าถึงบริการอื่นๆ ของ Apple คุณไม่จำเป็นต้องสร้างบัญชีใหม่สำหรับแต่ละบริการ เพียงแค่ใช้ Apple ID เดิมของคุณเท่านั้น
  • สร้าง Apple ID

    ตั้งค่า Apple ID เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใช้งานบริการต่างๆ ที่หลากหลายของ Apple
  • วิธีสร้าง Apple ID ภายใน iTunes

    เรียนรู้วิธีการสร้าง Apple ID บนคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ iOS เพื่อให้คุณซื้อของได้ใน iTunes Store
  • ฉันสามารถใช้ Apple ID ของฉันได้ที่ใดบ้าง

    บทความนี้มีรายการคุณสมบัติและบริการจำนวนมากของ Apple ที่ใช้ Apple ID
  • การเปลี่ยนรหัสผ่านของคุณ

    เรียนรู้วิธีเปลี่ยนรหัสผ่าน Apple ID ของคุณ
  • การใช้ Apple ID ของคุณสำหรับบริการของ Apple

    เรียนรู้เกี่ยวกับ Apple ID และการใช้ Apple ID ของคุณสำหรับบริการของ Apple เช่น iCloud และ iTunes Store
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Apple ID

    เรียนรู้คำตอบของคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Apple ID
  • บัญชี iTunes สำหรับนักเรียน

    เรียนรู้เกี่ยวกับบัญชี iTunes สำหรับนักเรียน

Link your phone number and Apple ID for use with FaceTime and iMessage

Learn how to link your iPhone telephone number to your Apple ID with iOS 6 for use with FaceTime and iMessage.


เรียนรู้เพิ่มเติม

  • ชุมชนการสนับสนุน Apple ID

รหัสผ่าน

  • หากคุณลืมรหัสผ่านและต้องการเปลี่ยน คุณสามารถไปที่ เพื่อรีเซ็ตรหัสผ่านของคุณได้อย่างง่ายดาย


การเปลี่ยนรหัสผ่านของคุณ

  • เรียนรู้วิธีเปลี่ยนรหัสผ่าน Apple ID ของคุณ
  • หากคุณลืมรหัสผ่านของคุณ

    หากคุณลืมรหัสผ่าน Apple ID ของคุณ โปรดทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อรีเซ็ตรหัสผ่านของคุณและรับสิทธิ์เข้าใช้งานคุณสมบัติและบริการต่างๆ ของ Apple ที่ใช้ Apple ID ได้อีกครั้ง

    จัดการบัญชี

    ต้องการเปลี่ยน Apple ID ของคุณใช่หรือไม่ คุณสามารถอัปเดตอีเมล ที่อยู่ในการส่งอีเมล หรือข้อมูลบัญชีอื่นๆ ของคุณได้ คุณยังสามารถเปลี่ยน Apple ID ของคุณได้ ลงชื่อเข้าใช้เพื่อจัดการ Apple ID ของคุณ

    • 'Apple ID นี้ถูกปิดการใช้งานด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย'

      เพื่อเป็นการป้องกันระบบรักษาความปลอดภัยของคุณ Apple ID ของคุณจะปิดใช้งานโดยอัตโนมัติหากป้อนรหัสผ่านบัญชีของคุณไม่ถูกต้องหลายครั้งเกินไปหาก Apple ID ของคุณถูกปิดใช้งาน และคุณพยายามใช้บริการออนไลน์ อย่า...
    • การค้นหา Apple ID ของคุณ

      เรียนรู้วิธีค้นหา Apple ID ของคุณหากคุณลืมหรือคุณไม่แน่ใจว่ามี Apple ID หรือไม่
    • การใช้ Apple ID ของคุณสำหรับบริการของ Apple

      เรียนรู้เกี่ยวกับ Apple ID และการใช้ Apple ID ของคุณสำหรับบริการของ Apple เช่น iCloud และ iTunes Store
    • Associating and verifying email addresses with your Apple ID

      Your Apple ID needs at least one email address associated with it. If you have several email addresses, you can add them to your Apple ID. Some Apple services, such as iCloud or FaceTime, require ...
    • ที่อยู่อีเมลสำหรับการกู้คืนและวิธีการรีเซ็ตคำถามรักษาความปลอดภัยของ Apple ID

      ถ้าคุณจำคำถามและคำตอบสำหรับรักษาความปลอดภัยของ Apple ID ไม่ได้ อีเมลสำหรับการกู้คืนที่เลือกระบุได้นี้จะช่วยให้คุณรีเซ็ตคำถามและคำตอบได้อีกวิธี นอกจากนี้ อีเมลที่เกี่ยวกับความปลอดภัยทั้งหมดในอนาคตสำหรั...
    • การเปลี่ยน Apple ID ของคุณ

      เรียนรู้วิธีเปลี่ยน Apple ID ของคุณ
    • เกี่ยวกับ PIN สนับสนุนชั่วคราว

      บทความนี้จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับ PIN สนับสนุนชั่วคราวซึ่งเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ใช้เพื่อยืนยันข้อมูลประจำตัวของคุณเมื่อติดต่อกับฝ่ายสนับสนุนของ Apple
    • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Apple ID

      เรียนรู้คำตอบของคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Apple ID
    • บัญชี iTunes สำหรับนักเรียน

      หลายบัญชี


      คุณอาจมี Apple ID อยู่หลายบัญชี และไม่ทราบว่ามีอยู่ เมื่อคุณสร้างบัญชีสำหรับบริการของ Apple อย่างเช่น iCloud หรือ App Store คุณจะสร้าง Apple ID ด้วย คุณไม่ต้องสร้างบัญชีใหม่สำหรับแต่ละบริการ เพียงใช้ Apple ID เดิม

      ค้นหา Apple ID ของคุณ

      • เรียนรู้วิธีค้นหา Apple ID ของคุณหากคุณลืมหรือคุณไม่แน่ใจว่ามี Apple ID หรือไม่

      การใช้ Apple ID ของคุณสำหรับบริการของ Apple

      • เรียนรู้เกี่ยวกับ Apple ID และการใช้ Apple ID ของคุณสำหรับบริการของ Apple เช่น iCloud และ iTunes Store

      การค้นหา Apple ID ของคุณ

      • เรียนรู้วิธีค้นหา Apple ID ของคุณหากคุณลืมหรือคุณไม่แน่ใจว่ามี Apple ID หรือไม่


      ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

      • คุณมีคำถามเกี่ยวกับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของ Apple ID หรือไม่ ให้เริ่มที่นี่

      ทุกเรื่องเกี่ยวกับคำถามรักษาความปลอดภัยสำหรับ Apple ID

        • เรียนรู้ว่าเมื่อใดจึงจำเป็นต้องใช้คำถามรักษาความปลอดภัย วิธีทำให้คำถามปลอดภัยยิ่งขึ้น วิธีรีเซ็ตคำถามและสิ่งที่ควรทำหากคุณลืมคำตอบตั้งแต่หนึ่งข้อขึ้นไป

      ที่อยู่อีเมลสำหรับการกู้คืนและวิธีการรีเซ็ตคำถามรักษาความปลอดภัยของ Apple ID

        • ถ้าคุณจำคำถามและคำตอบสำหรับรักษาความปลอดภัยของ Apple ID ไม่ได้ อีเมลสำหรับการกู้คืนที่เลือกระบุได้นี้จะช่วยให้คุณรีเซ็ตคำถามและคำตอบได้อีกวิธี นอกจากนี้ อีเมลที่เกี่ยวกับความปลอดภัยทั้งหมดในอนาคตสำหรั...

      'Apple ID นี้ถูกปิดการใช้งานด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย'

        • เพื่อเป็นการป้องกันระบบรักษาความปลอดภัยของคุณ Apple ID ของคุณจะปิดใช้งานโดยอัตโนมัติหากป้อนรหัสผ่านบัญชีของคุณไม่ถูกต้องหลายครั้งเกินไปหาก Apple ID ของคุณถูกปิดใช้งาน และคุณพยายามใช้บริการออนไลน์ อย่า...

      ความปลอดภัยและ Apple ID ของคุณ

        • เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความปลอดภัยและ Apple ID ของคุณ

      เกี่ยวกับ PIN สนับสนุนชั่วคราว

        • บทความนี้จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับ PIN สนับสนุนชั่วคราวซึ่งเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ใช้เพื่อยืนยันข้อมูลประจำตัวของคุณเมื่อติดต่อกับฝ่ายสนับสนุนของ Apple

      นโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับลูกค้าของ Apple

        • Apple ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของคุณ เราจึงได้จัดทำนโยบายความเป็นส่วนตัว ซึ่งครอบคลุมถึงวิธีที่เราใช้ในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย ถ่ายโอน และจัดเก็บข้อมูลของคุณ 

      ติดต่อฝ่ายสนับสนุน

          • การสนับสนุนสำหรับ Apple ID เป็นไปตามสิทธิ์ของผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ Apple ของคุณ โปรดเตรียมหมายเลขประจำเครื่องของคุณให้พร้อม
            ติดต่อเรา



            ขอบคุณที่มา : http://www.apple.com/th/support/appleid/contact/

เขียนโดย iGothGirl ที่ 18:08 1 ความคิดเห็น:
ส่งอีเมลข้อมูลนี้BlogThis!แชร์ไปยัง Xแชร์ไปที่ Facebookแชร์ใน Pinterest

วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2554

วิธี Jailbreak iPhone 3GS iOS 4.3.1 ด้วย Redsn0w

วิธี Jailbreak iPhone, iPod Touch และ iPad iOS 4.3.1 ด้วย Redsn0w

Jailbreak 
iPhone, iPod Touch, iPad iOS 4.3.1 using Redsn0w
วิธี Jailbreak iPhone (3GS, 4), iPod Touch (3, 4), iPad ที่ใช้ iOS 4.3.1 แบบ Untethered ด้วยโปรแกรม Redsn0w สำหรับผู้ใช้ Mac และ Windows

คำแนะนำ

วิธีนี้เป็นแค่ การ Jailbreak เท่านั้น ไม่ได้รวมถึงการ Unlock ตัวเครื่องด้วย เพราะเฉพาะวิธีนี้ใช้ได้กับ อุปกรณ์ที่เป็น Official Unlocked เท่านั้น
ก่อน ทำการอัพเดตเป็น iOS 4.3.1 ควรทำการ Backup ค่า SHSH Blob ด้วย Cydia หรือ TinyUmbrella ก่อน เพื่อเป็นการป้องกันให้สามารถ Downgrade กลับไปเวอร์ชันก่อนหน้านี้ได้ – วิธีเก็บค่า SHSH Blobs (ECID SHSH) ด้วย TinyUmbrella & Cydia
เครื่อง ที่จะทำการ Jailbreak ด้วยวิธีนี้ ต้องทำการ Update หรือ Restore ด้วย iOS 4.3.1 เสียก่อน
การ Jailbreak มีความเสี่ยง ควรศึกษาและใช้ความระมัดระวังในการลงมือทำ
สำหรับ ผู้ใช้ Windows Vista และ 7 จำเป็นต้องรัน Redsn0w แบบ XP Compatibility Mode

อุปกรณ์ที่สามารถ Jailbreak iOS 4.3.1 ด้วย Redsn0w

  • iPhone 3GS
  • iPhone 4
  • iPod Touch 3
  • iPod Touch 4
  • iPad 1

ไฟล์ที่ต้องใช้

  • ควรใช้ iTunes เวอร์ชันล่าสุด
  • โปรแกรม Redsn0w 0.9.6rc9 – Mac OS X , Windows
  • ไฟล์ iOS Firmware Version 4.3.1 (สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ทำการ Restore เป็น 4.3.1 หรือผู้ที่ใช้โปรแกรมอื่นในการ Jailbreak มาก่อนแล้ว)
    • iOS Firmware 4.3.1 สำหรับ iPhone 3GS
    • iOS Firmware 4.3.1 สำหรับ iPhone 4
    • iOS Firmware 4.3.1 สำหรับ iPod Touch 3
    • iOS Firmware 4.3.1 สำหรับ iPod Touch 4
    • iOS Firmware 4.3.1 สำหรับ iPad
File for Jailbreak iPhone iPod Touch 
iPad iOS 4.3.1 with Redsn0w

วิธี Jailbreak iPhone, iPod Touch, iPad iOS 4.3.1 ด้วย redsn0w

0. สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ Restore เครื่องเป็น iOS 4.3.1 ให้ทำการ Restore เครื่องด้วย iOS 4.3.1 เสียก่อน
Quick Tip : วิธี Manual Restore iOS Firmware
1. เมื่อโหลดไฟล์ทั้งหมดมาเรียบร้อยแล้วให้เปิดโปรแกรม Redsn0w ขึ้นมา
สำหรับ ผู้ใช้ Windows Vista และ 7 จำเป็นต้องรัน Redsn0w แบบ XP Compatibility Mode (โดยการคลิกขวาที่ Redsn0w > Properties > Compatibility > Run this program in compatibility mode for: เลือก Windows XP)
Redsn0w App
2. จากนั้นกดปุ่ม Browse เพื่อเลือกไฟล์ Firmware Version ของอุปกรณ์ที่ต้องการ Jailbreak ( ในที่นี้คือ iOS 4.3.1 ที่ให้โหลดมาไว้ในตอนแรก )
Redsn0w Choose Firmware File redsn0w
3. เมื่อกดเลือก Firmware แล้ว โปรแกรม Redsn0w จะทำการตรวจสอบ Firmware และหากไม่มีปัญหาอะไรโปรแกรมจะแจ้งว่า IPSW successfully identified. จากนั้นให้่กด Next
IPSW 
Successfully identified
โปรแกรม จะทำการประมวลผล IPSW ให้รอจนเสร็จ
Preparing Jailbreak Data redsn0w
4. เมื่อเสร็จแล้ว โปรแกรมจะแสดงตัวเลือกในการ Jailbreak ซึ่งจะมีตัวเลือกต่างๆ ตรงนี้ให้เลือกเฉพาะ Install Cydia จากนั้นกด Next
Redsn0w Jailbreak Option
5. โปรแกรมจะแจ้งให้ต่อสายเชื่อมต่อกับ iTunes และทำการปิดเครื่อง iPhone ซึ่งตรงนี้จำเป็นต้องเปิดเครื่องและเชื่อมต่อ iPhone กับคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้หลังจากนั้นกด Next
ในขั้นตอนนี้ คุณสามารถนำ iPhone เข้า DFU Mode ก่อนแล้วจึงกด Next ได้ ซึ่งโปรแกรมจะทำการ Jailbreak เลยทันทีโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนการเข้า DFU Mode (ขั้นตอนที่ 6) – Tip : วิธีเข้า DFU Mode แบบง่ายๆ
Turn off iPhone and Connect to iTunes
6. โปรแกรมจำเป็นต้องให้ผู้ใช้เข้าสู่ DFU Mode ซึ่งวิธีการเข้า DFU Mode สามารถทำตามโปรแกรมได้ หรือตามวิธีนี้
Push iPhone to DFU redsn0w
  • กด ปุ่ม Power ค้างไว้ 3 วิ (เพื่อเปิดเครื่อง)
  • ไม่ต้องปล่อยปุ่ม Power แต่ให้กดปุ่ม Home ค้างไว้เพิ่ม อีก 10 วิ
  • หลังจากนั้นให้ ปล่อยปุ่ม Power แต่ยังคงกดปุ่ม Home ค้างไว้ต่ออีก
หากไม่สามา ถเข้าสู่ DFU Mode ได้จะมีข้อความแสดง จากนั้นให้กลับไปทำใหม่ (อย่าลืมปิดเครื่องก่อน เพื่อเข้าสู่ DFU Mode)
DFU Mode Failed
หาก ใครยังไม่สามารถเข้าสู่ DFU Mode ได้ให้ลองทำตาม Video ด้านล่าง

7. เมื่อเข้าสู่ DFU Mode ได้แล้ว โปรแกรมจะทำงานต่อทันที
Process Jailbreak iPhone, iPod Touch,
 iPad iOS 4.3.1
ให้ รอจนกว่าจะเสร็จ และเมื่อเสร็จแล้วจะแสดงข้อความ DONE ซึ่งผู้ใช้สามารถปิดโปรแกรม Redsn0w ได้ แต่หน้าจอ iPhone จะยังแสดงการทำงานของการ Jailbreak อยู่ ให้รอจนกว่าจะเสร็จ
redsn0w Jailbreak done
8.เมื่อ เสร็จแล้ว iPhone จะทำการ Restart ตัวเอง และเมื่อเครื่องทำงานอีกครั้ง ก็ถือว่าเสร็จสิ้นกว่า Jailbreak แล้ว
Cydia on iPhone 4 iOS 4.3.1
เขียนโดย iGothGirl ที่ 03:28 ไม่มีความคิดเห็น:
ส่งอีเมลข้อมูลนี้BlogThis!แชร์ไปยัง Xแชร์ไปที่ Facebookแชร์ใน Pinterest
ป้ายกำกับ: iFLoWeRs

เก็บค่า SHSH Blobs เพื่อให้เครื่อง Restore เฟิร์มแวร์เวอร์ชั่นต่ำกว่าปัจจุบันได้

วิธีเก็บค่า SHSH Blobs (ECID SHSH) ของ iOS ด้วย TinyUmbrella & Cydia

วิธี Back up ค่า SHSH Blobs หรือ ECID SHSH ใน iPhone, iPod Touch และ iPad เพื่อให้เครื่องสามารถ Restore ลงไปยังเฟิร์มแวร์เวอร์ชั่นต่ำกว่าปัจจุบันได้ ด้วยโปรแกรม TinyUmbrella หรือผ่าน Cydia

ทำไมต้อง Back up SHSH Blobs

เมื่อผู้ใช้ทำการอัพเดตเวอร์ชันของ iOS ขึ้นไปแล้วและต้องการดาวเกรดเวอร์ชันกลับมาเป็นเวอร์ชันก่อนหน้านั้น ทาง iTunes จะทำการตรวจสอบค่าของ iOS ของเฟิร์มแวร์ไปยังเซิฟเวอร์ของ Apple ว่าผู้ใช้สามารถติดตั้งเฟิร์มแวร์เวอร์ชันนั้นได้หรือไม่ ซึ่งในเฟิร์มแวร์เวอร์ชันใหม่ๆ นั้นทาง Apple เองจะไม่อนุญาตให้ทำการ Restore ไปยังเวอร์ชันที่ต่ำกว่าเวอร์ชันที่เป็นปัจจุบัน
ซึ่งในส่วน นี้เราสามารถแก้ไขได้ด้วยการเก็บค่า SHSH Blobs ของเฟิร์มแวร์เวอร์ชันเก่าไว้ก่อน และเมื่อต้่องการดาวเกรดลงเป็นเวอร์ชันเก่า จากเดิมที่ iTunes ทำการตรวจสอบจากเซิฟเวอร์ของ Apple เราก็จะส่งไปตรวจสอบค่ากับเซิฟเวอร์ของ Cydia แทน และเมื่อเราได้ทำการเก็บค่า SHSH Blobs ไปไว้ยังเซิฟเวอร์ของ Cydia ไว้ก่อนแล้ว เราก็จะสามารถดาวเกรดเฟิร์มแวร์เวอร์ชันที่เราได้ทำการเก็บค่า SHSH Blobs ได้
ซึ่งวิธีในการเก็บค่า SHSH Blobs นั้นทำได้ 2 วิธี

1. Cydia

เปิดแอพพลิเคชั่น Cydia ขึ้นมา จากนั้นใน Tab Cydia (Tab แรกเมื่อเปิดโปรแกรม) จะเห็นปุ่มที่เขียนว่า “Make me life easy, Thank” ให้ผู้ใช้กดปุ่มดังกล่าว
Make
 me life easy, Cydiaเมื่อ กดปุ่มดังกล่าวแล้วสังเกตที่บริเวณด้านบนจะมีข้อความ “This device has pending TSS request ซึ่งตรงนี้จะหมายความว่า เครื่องของเราได้ร้องขอให้จัดเก็บ SHSH Blobs ไปยัง Cydia แล้ว แต่ยังต้องรอเวลาอีกประมาณ 1-2 วันเพื่อให้ทาง Cydia จัดเก็บให้
Pending TSS requestและ เมื่อมีการจัดเก็บจากทาง Cydia แล้วจะข้อความดังกล่าวจะเป็นไปเป็น “This device has SHSHs on file for …” ซึ่งเวอร์ชันที่ตามหลังข้อความนี้ นั้นเราจะสามารถดาวเกรดไปยังเวอร์ชันดังกล่าวได้
SHSH Request Successสรุป คือถ้าเราจัดเก็บ SHSH Blobs โดยใช้ Cydia นั้นเราต้องใช้เวลาในการร้องขอไปยังเซิฟเวอร์ของ Cydia ซึ่งอาจใช้เวลา 0-2 วันหรือมากกว่านั้น แต่หากต้องการอัพเดตไปยังเวอร์ชันที่ใหม่และไม่ต้องการรอให้ทาง Cydia จัดเก็บซึ่งใช้เวลานาน เรายังสามารถทำได้อีกวิธีคือใช้ Tiny Umbrella

2. TinyUmbrella

TinyUmbrella นั้นเป็นโปรแกรมที่สามารถใช้จัดเก็บค่า SHSH Blobs ทั้งแบบโลคอล(เก็บไว้ในเครื่องของผู้ใช้) และร้องขอไปยังเซิฟเวอร์ของ Cydia ในเวลาเดียวกัน ข้อดีของ TinyUmbrella อีกอย่างคือมันสามารถจำลองตัวเองเป็นเซิฟเวอร์ได้ด้วย ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถดาวเกรด iOS ได้โดยไม่ต้องไปแก้ค่าของไฟล์ Hosts เพียงแค่ Start Server ก็สามารถสั่ง Restore ได้เลย
ผู้ใช้สามารถดาว โหลดแอพพลิเคชั่น TinyUmbrella สำหรับ Mac, Windows, Linux มาติดตั้งได้จากที่ – http://thefirmwareumbrella.blogspot.com/ (ลิ้งค์ดาวโหลดอยู่ทางด้านขวา)
เชื่อมต่อเครื่อง iPhone, iPod Touch กับคอมพิวเตอร์ จากนั้นเปิดแอพพลิเคชั่น TinyUmbrella ขึ้นมา
TinyUmbrella Iconสังเกต ที่ด้านขวา ให้เลือกเครื่องที่เราต้องการจะจัดเก็บค่า SHSH Blobs จากนั้นกด Save My SHSH
TinyUmbrellaสังเกต ส่วนของ Log ด้านล่างจะมีข้อความแสดงว่าเราได้จัดเก็บค่า SHSH Blobs แล้ว และโปรแกรมจะส่งคำร้องขอไปยังเซิฟเวอร์ของ Cydia ด้วย
TinyUmbrella Save Successเพียง เท่านี้เราก็จะสามารถเก็บค่า SHSH Blobs ไว้ที่เครื่องของเราเอง และร้องขอให้เก็บไว้บนเซิฟเวอร์ของ Cydia ได้ในเวลาเดียวกัน จากนั้นเราก็สามารถอัพเดตเวอร์ชันที่เราต้องการได้โดยไม่ต้องห่วงว่าจะ สามารถดาวเกรดกลับมาเวอร์ชั่นเดิมได้หรือมั้ย เพราะเราได้ทำการจัดเก็บค่า SHSH ไว้แล้ว หากต้องการดาวเกรดกลับเป็นเวอร์ชันเก่าก็เพียงแค่กด Start TSS Server และกด Option + Restore ใน iTunes และเลือกเฟิร์มแวร์ที่เดิมของเราได้ทันที

สรุป

เพื่อป้องกัน ปัญหาในการ Restore กลับมายังเวอร์ชันเก่าเมื่อทำการอัพเดต iOS เราควรเก็บค่า SHSH ไว้เสมอในทุกๆ เวอร์ชันที่เราได้งาน และวิธีที่แนะนำในการจัดเก็บ SHSH Blobs คือการใช้แอพพลิเคชั่น TinyUmbrella ในการจัดเก็บ เพราะจะเป็นการจัดเก็บทั้งในส่วนของโลคอล และร้องขอไปยังเซิฟเวอร์ของ Cydia ในเวลาเดียวกัน ซึ่งต่างจากการจัดเก็บใน Cydia ซึ่งต้องรอให้เซิฟเวอร์ตอบรับคำร้องขอของเราซึ่งอาจใช้เวลานาน
เขียนโดย iGothGirl ที่ 03:24 1 ความคิดเห็น:
ส่งอีเมลข้อมูลนี้BlogThis!แชร์ไปยัง Xแชร์ไปที่ Facebookแชร์ใน Pinterest
ป้ายกำกับ: iFLoWeRs

วิธี Jailbreak iPhone 3G iOS 4.2.1 ด้วย Redsn0w

วิธี Jailbreak iPhone 3G , iPod Touch 2 iOS 4.2.1 ด้วย Redsn0w

By n3tr on March 1, 2011 in How to / How to iOS
Jailbreak 
iPhone 3G iOS 4.2.1 using Redsn0wวิธี Jailbreak iPhone 3G และ iPod Touch 2 ที่ใช้ iOS 4.2.1 ด้วยโปรแกรม Redsn0w สำหรับผู้ใช้ Mac และ Windows (สามารถใช้ได้เฉพาะ iPhone 3G และ iPod Touch 2G MB Model เท่านั้น)

คำ แนะนำ

วิธีนี้เป็นแค่การ Jailbreak เท่านั้น ไม่ได้รวมถึงการ Unlock ตัวเครื่องด้วย เพราะเฉพาะวิธีนี้ใช้ได้กับ iPhone 3G ที่เป็น Official Unlocked เท่านั้น
ก่อน ทำการอัพเดตเป็น iOS 4.2.1 ควรทำการ Backup ค่า SHSH Blob ด้วย Cydia หรือ TinyUmbrella ก่อน เพื่อเป็นการป้องกันให้สามารถ Downgrade กลับไปเวอร์ชันก่อนหน้านี้ได้ – วิธีเก็บค่า SHSH Blobs (ECID SHSH) ด้วย TinyUmbrella & Cydia
วิธี นี้ใช้ได้เฉพาะกับ iPhone 3G และ iPod Touch 2G MB Model เท่านั้น นอกเหนือจากนี้จะเป็นการ Jailbreak แบบ Tethered
เครื่อง ที่จะทำการ Jailbreak ด้วยวิธีนี้ ต้องทำการ Update หรือ Restore ด้วย iOS 4.2.1 ก่อน
การ Jailbreak มีความเสี่ยง ควรศึกษาและใช้ความระมัดระวังในการลงมือทำ
สำหรับ ผู้ใช้ Windows Vista และ 7 จำเป็นต้องรัน Redsn0w แบบ XP Compatibility Mode

ไฟล์ที่ต้องใช้

  • iOS Firmware 4.2.1 สำหรับ iPhone 3G – ควรใช้ Firefox หรือ Chrome ในการดาวโหลด
  • หรือ iOS Firmware 4.2.1 สำหรับ iPod Touch 2G – ควรใช้ Firefox หรือ Chrome ในการดาวโหลด
  • Redsn0w for Mac – Download Redsn0w for Mac
  • Redsn0w for Windows – Download Redsn0w for Windows
File for Jailbreak iPhone 3G iOS 4.2.1 with Redsn0w

วิธี Jailbreak iPhone 3G iOS 4.2.1

1. เมื่อโหลดไฟล์ทั้งหมดมาเรียบร้อยแล้วให้เปิดโปรแกรม Redsn0w ขึ้นมา
สำหรับ ผู้ใช้ Windows Vista และ 7 จำเป็นต้องรัน Redsn0w แบบ XP Compatibility Mode (โดยการคลิกขวาที่ Redsn0w > Properties > Compatibility > Run this program in compatibility mode for: เลือก Windows XP)
Redsn0w App2. จากนั้นกดปุ่ม Browse เพื่อเลือกไฟล์ Firmware Version ที่ต้องการ ( ในที่นี้คือ iOS 4.2.1 ที่ให้โหลดมาไว้ในตอนแรก )
Redsn0w Choose Firmware File redsn0w3. เมื่อกดเลือก Firmware แล้ว โปรแกรม Redsn0w จะทำการตรวจสอบ Firmware และหากไม่มีปัญหาอะไรโปรแกรมจะแจ้งว่า IPSW successfully identified. จากนั้นให้่กด Next
IPSW 
Successfully identifiedโปรแกรม จะทำการประมวลผล IPSW ให้รอจนเสร็จ
Preparing Jailbreak Data redsn0w4. เมื่อเสร็จแล้ว โปรแกรมจะแสดงตัวเลือกในการ Jailbreak ซึ่งจะมีตัวเลือกต่างๆ ตามภาพด้านล่าง ซึ่งตรงนี้ท่านสามารถเลือกที่จะเปิดการใช้งาน Multitasking กับ Home Screen Background ได้ (ไม่แนะนำให้เปิดใช้งาน Multitasking ใน iPhone 3G เนื่องจากจะเกิดปัญหาความช้าในการทำงาน) จากนั้นกด Next
redsn0w Jailbreak Option5. โปรแกรมจะแจ้งให้ต่อสายเชื่อมต่อกับ iTunes และทำการปิดเครื่อง iPhone ซึ่งตรงนี้จำเป็นต้องเปิดเครื่องและเชื่อมต่อ iPhone กับคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้หลังจากนั้นกด Next
ในขั้นตอนนี้ คุณสามารถนำ iPhone เข้า DFU Mode ก่อนแล้วจึงกด Next ได้ ซึ่งโปรแกรมจะทำการ Jailbreak เลยทันทีโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนการเข้า DFU Mode (ขั้นตอนที่ 6) – Tip : วิธีเข้า DFU Mode แบบง่ายๆ
Turn off iPhone and Connect to iTunes6. โปรแกรมจำเป็นต้องให้ผู้ใช้เข้าสู่ DFU Mode ซึ่งวิธีการเข้า DFU Mode สามารถทำตามโปรแกรมได้ หรือตามวิธีนี้
Push iPhone to DFU redsn0w
  • กด ปุ่ม Power ค้างไว้ 3 วิ (เพื่อเปิดเครื่อง)
  • ไม่ต้องปล่อยปุ่ม Power แต่ให้กดปุ่ม Home ค้างไว้เพิ่ม อีก 10 วิ
  • หลังจากนั้นให้ ปล่อยปุ่ม Power แต่ยังคงกดปุ่ม Home ค้างไว้ต่ออีก
หากไม่สามา ถเข้าสู่ DFU Mode ได้จะมีข้อความแสดง จากนั้นให้กลับไปทำใหม่ (อย่าลืมปิดเครื่องก่อน เพื่อเข้าสู่ DFU Mode)
DFU Mode Failedหาก ใครยังไม่สามารถเข้าสู่ DFU Mode ได้ให้ลองทำตาม Video ด้านล่าง

7. เมื่อเข้าสู่ DFU Mode ได้แล้ว โปรแกรมจะทำงานต่อทันที
Process Jailbreak iPhone 3G iOS 
4.2.1ให้ รอจนกว่าจะเสร็จ และเมื่อเสร็จแล้วจะแสดงข้อความ DONE ซึ่งผู้ใช้สามารถปิดโปรแกรม Redsn0w ได้ แต่หน้าจอ iPhone จะยังแสดงการทำงานของการ Jailbreak อยู่ ให้รอจนกว่าจะเสร็จ
redsn0w Jailbreak done8.เมื่อ เสร็จแล้ว iPhone จะทำการ Restart ตัวเอง และเมื่อเครื่องทำงานอีกครั้ง ก็ถือว่าเสร็จสิ้นกว่า Jailbreak แล้ว
Cydia on iPhone 3G iOS 4.2.1
เขียนโดย iGothGirl ที่ 02:41 ไม่มีความคิดเห็น:
ส่งอีเมลข้อมูลนี้BlogThis!แชร์ไปยัง Xแชร์ไปที่ Facebookแชร์ใน Pinterest
ป้ายกำกับ: iFLoWeRs

วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

การ Backup แบบ Manual และการแก้ปัญหาที่เกิด

การ Backup แบบ Manual และการแก้ปัญหาที่เกิด


*** การ Backup แบบ Manual ไม่ควรใช้ในกรณี Upgrade Version หลัก เช่น iOS3 --> iOS4 หรือในทางกลับกัน iOS4 --> iOS3 เพราะโครงสร้างของการเก็บข้อมูลจะแตกต่างกันได้


การ Backup แบบ Manual นี้คือการ Copy File ต่างๆ ออกมาจาก iPhone โดยใช้โปรแกรมจัดการ File จะผ่านทาง USB หรือ WiFi ก็ได้ (ให้ดูเรื่องการจัดการ File ในบท Permission)

ข้อมูลส่วนใหญ่จะจัดเก็บในรูปแบบ Database ดังนั้นเราสามารถที่จะ Copy Database เหล่านั้นออกมาเก็บไว้ในกรณีต้องการ Backup ข้อมูลต่างๆ ซึ่งจะอยู่ใน Path /private/var/mobile/Library/ เช่น

  • Backup Contacts /var/mobile/Library/AddressBook/
  • Backup Calendar /var/mobile/Library/Calendar/
  • Backup Mail /var/mobile/Library/Mail
  • Backup Note /var/mobile/Library/Notes/
  • Backup Safari /var/mobile/Library/Safari/
  • Backup SMS /var/mobile/Library/SMS/
  • Backup Maps /var/mobile/Library/Maps/
    หรือ จะ Copy ทั้ง /var/mobile/Library/ ออกมาเลยก็ได้
  • รูปที่ถ่ายจากกล้อง
    • รูปหลักจะอยู่ที่ /var/mobile/Media/DCIM/100APPLE และ ควรอ่านเพิ่มเติมในเรื่องนี้ที่นี่
    • สำหรับ iOS4
        รูปใหญ่ --> /var/mobile/Media/DCIM/100APPLE รูปเล็ก --> /var/mobile/Media/PhotoData/100APPLE และเพิ่มในส่วน Database อีก 2 File คือ --> /private/var/mobile/Media/PhotoData/Photos.sqlite --> /private/var/mobile/Media/PhotoData/PhotosAux.sqlite
  • ข้อมูลที่ Sync จาก iTunes จะอยู่ที่ /private/var/mobile/Media/iTunes_Control/
  • โปรแกรมที่ติดตั้งจาก App Store จะอยู่ที่ /var/mobile/Applications/
  • Voice Memo จะอยู่ที่ /var/mobile/Media/Recordings

การ Copy สามารถใช้ File Manager เช่น WinSCP หรือ CuteFTP Copy ออกมาเก็บไว้ได้

การ Restore แบบ Manual


ในการ Backup นั้น เราไม่สามารถ Copy Permission และ Owner ออกมาด้วยได้ และเมื่อใช้งานก็จะเจอปัญหา เช่น
Notes ไม่สามารถ Save ข้อมูลได้
SMS เด้ง หรือเปิดมาไม่เจอข้อมูล
ดังนั้นเมื่อนำกลับเข้าไปใน iPhone ก็อย่าลืม Set Permission 777 ให้กับ ทุก File และ ทุก Folder ด้วย

หรือ วิธีที่ดีที่สุดคือ

  1. Reboot iPhone สัก 1 ครั้งเพื่อให้โปรแกรมต่างๆปิดการทำงาน
  2. เปิด ใช้งานโปรแกรมต่างๆให้ครบ โดยสร้างข้อมูลขึ้นมาใหม่สัก 1 ข้อมูล เช่น Notes ก็ให้เขียน Note สัก 1 แผ่น หรือ Contact ก็สร้าง Contact ใหม่สัก 1 รายชื่อ แล้วค่อย Copy File Backup กลับเข้าไป
  3. ทำการ Reboot iPhone อีกครั้ง
  4. ทำการ Copy ข้อมูลเข้าไปใน iPhone
  5. จะหมดปัญหาการเปิดมาแล้วไม่มีข้อมูลได้อย่างแน่นอน
เขียนโดย iGothGirl ที่ 04:33 ไม่มีความคิดเห็น:
ส่งอีเมลข้อมูลนี้BlogThis!แชร์ไปยัง Xแชร์ไปที่ Facebookแชร์ใน Pinterest
ป้ายกำกับ: iFLoWeRs

การ Backup & Restore ด้วย iTunes

การ Backup & Restore ด้วย iTunes


การ Backup ข้อมูลลง Computer-PC ด้วยโปรแกรม iTunes

โปรแกรม iTune สามารถทำการสำรองข้อมูล (Backup) จาก iPhone มาเก็บลงที่ Computer-PC ได้มีดังนี้
  • หมายเลขโทรศัพท์ (Contact)
  • ตารางนัดหมายในปฏิทิน (Calendar)
  • ข้อความ SMS, ข้อความ MMS
  • รายการ Call History
  • Safari Bookmarks
  • รวมทั้ง ค่าต่างๆ ที่เซตเอาไว้ เท่าที iTune รู้จัก

วิธีการ Back Up ข้อมูล ด้วยโปรแกรม iTune
  1. ต่อ iPhone เข้ากับสาย USB แล้วเปิดโปรแกรม iTune ให้เห็น iPhone
  2. ด้านซ้ายมือของโปรแกรม iTune ใต้หัวข้อ "DEVICES" จะมีชื่อ iPhone ของเรา
  3. ให้คลิกเมาส์ปุ่มขวา ที่ชื่อ iPhone แล้วจะพบคำสั่ง "Back Up"
  4. ลงมือกดไปเลยครับ กดครั้งเดียวพอแล้วครับ ..
  5. หลังจากนั้น iTune ก็จะเริ่มทำการ Sync Back Up ข้อมูลลง Computer-PC เก็บเอาไว้
  6. ให้รอจนกว่าจะเสร็จครับ ..


[ภาพประกอบ | วิธีการ Back Up ข้อมูลจาก iPhone ลงมาเก้บไว้ที่ Computer-PC]
Image

Image


วิธีการ Restore ข้อมูลคืนกลับมาลง iPhone ด้วยโปรแกรม iTune

การ Restore คือ การกู้ข้อมูลที่เก็บไว้ใน Computer-PC มาลงใน iPhone (กู้จากข้อมูลที่ได้ทำการ Back Up เอาไว้)

เรามักจะทำการกู้ข้อมูลลง iPhone จาก 2 กรณีใหญ่ๆ คือ
  1. Restore ข้อมูลคืน เนื่องจาก ข้อมูลใน iPhone เสียหาย
    อย่างเช่น ไปลบหมายเลขโทรศัทพ์สำคัญๆ โดยไม่ได้ตั้งใจเป็นต้น
  2. Restore ข้อมูลคืน หลังจากที่ได้ทำการ Upgrade Firmware ใหม่ โดยวิธีการ Restore Firmware


วิธีการ Restore ข้อมูลกลับคืนสู่ iPhone ด้วยโปรแกรม iTune
  1. ต่อ iPhone เข้ากับสาย USB แล้วเปิดโปรแกรม iTune ให้เห็น iPhone
  2. ด้านซ้ายมือของโปรแกรม iTune ใต้หัวข้อ "DEVICES" จะมีชื่อ iPhone ของเรา
  3. ให้คลิกเมาส์ปุ่มขวา ที่ชื่อ iPhone แล้วจะพบคำสั่ง "Restore from Backup ..."
  4. ลงมือกดไปเลยครับ หลังจากนั้น โปรแกรม iTune จะแสดงชื่อ iPhone ของเราเพื่อให้ยืนยัน ..
  5. เมื่อแน่ใจแล้วก็กด Restore ไปได้เลยครับ
  6. รอจนกว่า iTune จะ Sync Restore ข้อมูลลงไปใน iPhone จนเสร็จครับ

สิ่งที่ได้หลังจากทำการ Restore คือ ข้อมูลต่างๆ ที่มีการแก้ไข เปลี่ยนแปลงจนถึงเวลาที่เราทำการ Backup ล่าสุดนั้นเอง
ส่วนข้อมูลต่างๆ ที่เพิ่มมาใหม่ หลังจากที่ Backup ล่าสุด จะถูกทำลาย/ลบออกไปครับ

[ภาพประกอบ | วิธีการ Restore เพื่อกู้ข้อมูลจากข้อมูลที่ได้ Backup เอาไว้]
Image

Image
[ภาพประกอบ | กรณีที่ ได้ทำการ Upgrade iPhone Firmware ใหม่ .. แล้วต้องการเอาข้อมูลเดิมกลับมาจากที่ Back Up ไว้]
Image

[ภาพประกอบ | กรณีที่ ได้ทำการ Upgrade iPhone Firmware ใหม่ .. แต่ไม่ต้องการ เอาข้อมูลเดิมกลับลงมา]
Image

การ Backup iTunes Library

โดยปกติแล้ว การ Sync เพลง, Ringtones, หนัง, Applications, Games ต่างๆ ลง iTune นั้น
โปรแกรม iTune จะเก็บข้อมูลสำคัญเอาไว้ ลงพื้นที่ ที่เรียกว่า iTune Library
ซึ่งจะอยู่ที่

C:\Documents and Settings\[Username]\My Documents\My Music\iTunes
และ
C:\Documents and Settings\[Username]\Application Data\Apple Computer

โดย ทาง iTune จะเก็บข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับชื่อเพลง, Playlist และข้อมูลเกียวกับ iPhone ของเราเอาไว้ มันจึ่งมีความสำคัญที่ต้องเก็บเอาไว้ โดยเฉพาะ ถ้าเราต้องการล้างเครื่อง Computer-PC /ติดตั้ง Microsoft Windows ใหม่เป็นต้น

ซึ่งทุกครั้ง ที่ติดตั้ง Microsoft Windows ลงไปใหม่ เราก็จะติดตั้ง iTune ลงไปใหม่ กรณีนี้ iTune จะมองว่า เครื่อง iPhone ของเราเคย Sync เพลง, Ringtones, หนัง, Applications, Games กับเครื่อง Computer-PC เครื่องอื่น

ถ้าต้องการ Sync กับเครื่องนี้ iTune จะลบ เพลง, Ringtones, หนัง ที่อยู่ใน iPhone ออกไป แล้วจึ่งจะ Sync ข้อมูลใหม่ลงไปแทนครับ

ดังนั้น ถ้าต้องการ Sync เพลงใหม่ โดยไม่ให้ iTune ลบเพลงเก่าที่อยู่ใน iPhone เราจะต้องเอา ข้อมูลที่อยู่เดิมของ iTune มาลงก่อนครับ

วีธีการ Backup iTune Library
  • เข้า ไปเก็บทุกไฟล์ใต้ C:\Documents and Settings\[Username]\My Documents\My Music\iTunes เอาไว้ แล้วเอาไปเก็บในที่ปลอดภัย ( แนะนำ ให้ Zip เก็บไว้ ทั้งไดเรกทอรี iTunes ไว้เลย)

วิธีการ Restore iTune Library
  • ทำการติดตั้ง iTune ใหม่ให้เรียบร้อย แล้วลองเรียก iTune ขึ้นมาสักครั้ง
  • หลังจากนั้น ให้ปิด iTune ลงไป
  • แล้วเอา ไฟล์ต่างๆ ที่เก็บเอาไว้ มาลงทับไฟล์ทั้งหมดที่ C:\Documents and Settings\[Username]\My Documents\My Music\iTunes
  • หลังจากนั้น ให้ต่อ iPhone เข้าสาย USB .. เปิด iTune พร้อมใช้งานเหมือนเดิมแล้ว

NOTE:

วิธีการนี้ เราสามารถเอา C:\Documents and Settings\[Username]\My Documents\My Music\iTunes ไปลงที่ Computer-PC เครื่องอื่นๆได้
เราก็จะสามารถทำการ Sync เพลง, หนัง, Ringtone จาก Computer-PC หลายเครื่องได้ โดยที่ iTune ไม่ลบข้อมูลใน iPhone ออกก่อน
เขียนโดย iGothGirl ที่ 04:05 ไม่มีความคิดเห็น:
ส่งอีเมลข้อมูลนี้BlogThis!แชร์ไปยัง Xแชร์ไปที่ Facebookแชร์ใน Pinterest
ป้ายกำกับ: iFLoWeRs

การ Restore iPhone

การ Restore ด้วย Original Firmware


การ Restore Firmware จะมีอยู่หลายปัจจัยในการที่ต้องทำการ Restore เพื่อทำให้ iPhone หรือ iPod Touch กลับมามี Firmware ที่สมบูรณ์ ซึ่งการ Restore ไม่จำเป็นต้อง Restore ตามลำดับ Version ของ Firmware เช่น เครื่องเป็น 2.0 ก็สามารถ Restore 3.0 หรือ 4.0 ได้เลย

Link สำหรับ Download Firmware ต่างๆ
http://www.smart-mobile.com/downloads/AppleFirmware.php


Error ที่อาจจะพบ
  • Firmware is not Compatible : คุณ Download Firmware มาผิดรุ่น หรือ Firmware ที่ Download มาไม่สมบูรณ์
  • 3014, 3194
  • 1004 หรือ ใช้ TinyUmbella "Kick out Recovery"
  • 1015 หรือ ใช้ TinyUmbella "Kick out Recovery"

การ Restore ด้วย Original Firmware จะทำให้ข้อมูลทุกอย่างหายไปทั้งหมด รวมทั้งสิ่งที่ได้มาจากการ Jailbreak จะถูกลบออกไปทั้งหมด เช่น Cydia และโปรแกรมต่างๆที่ติดตั้งจาก Cydia หรือโปรแกรม Crack ต่างๆก็ถูกลบออกไป แต่สามารถใช้ Function Restore from Backup ฯำข้อมูลที่เคย Backup กลับมาใช้ได้ แต่ก็ยกเว้นข้อมูลที่มาจากการ Jailbreak

หากต้องการเลือก Firmware ในการ Restore
  • Windows ==> Shift + Restore
  • Mac ==> Option + Restore

  1. ควร Update iTune ให้เป็น New Version ก่อน
  2. ต่อ iPhone หรือ iPod Touch เข้ากับ Computer
  3. ตัว iPhone or iPod Touch จะปรากฎด้านล่างของ Devices

    Full Image Size
  4. เลือกช่อง Summary tab


  5. กด Shift บน Keyboard แล้วกด Restore ในกรอบสีแดง แล้วเลือก Firmware ที่ต้องการ
    Image
  6. เมื่อเลือกช่อง Restore จะปรากฎ Popup ข้อความเตือนก่อนการ Restore ตรงนี้สามารถที่จะ Back Up ข้อมูลต่างใน iPhone or iPod Touch ไว้ได้
    Image
  7. เมื่อเลือก Back Up ตัว iPhone or iPod Touch จะทำการ Back Up ข้อมูลจนเสร็จ หลังจากนั้น Popup ข้อความการยืนยันในการ Restore จะปรากฎออกมา
    Image
  8. เมื่อเลือก Restore ตัว iTune จะทำการส่งคำสั่งไปที่ iPhone จนเสร็จขั้นตอนของการ Restore ตัว iPhone or iPod Touch จะปรากฎรูป Apple Logo ขึ้นมา ในส่วน iTune จะมี Popup ข้อความปรากฎและเวลาในการ Restarts
    Image
  9. เมื่อ iPhone ผ่านขั้นตอนการ Restore ตัว iPhone จะปรากฎข้อความ "Waiting for AT&T activation" และในเวลาไม่นานนักก็จะปรากฎข้อความตามมาว่า "iPhone is activated" ยกเว้น iPod Touch
    Image Image

  10. ขั้นตอนสุดท้ายของการ Restore iPhone or iPod Touch จะปรากฎข้อความ ในการ Set Up iPhone or iPod Touch ออกมา ตรงนี้สามารถนำข้อมูลที่ได้ทำ Back Up ไว้ นำมา Restore กลับคืนไปได้โดยเลือกสถานะที่ต้องการจะ Restore from the backup of:
    Image

หมายเหตุสำคัญ iPhone ที่บางกรณีได้มาโดยไม่ได้ผ่านการ Activated ตามขั้นตอนที่ถูกต้องมา สามารถหา Tools และ Software Unlock ที่ทาง Hacker ( DEV Team ) ทำออกมาให้ User ได้ใช้เพื่อผ่านขั้นตอนการ Activated ไปได้ จะไม่ขอนำมากล่าวไว้ในนี้ครับ

หน้าจอของ iPhone เมื่อเสร็จขั้นตอนการ Restore แต่ไม่สามารถผ่านขั้นตอนของการ Activated ไปได้จะมีลักษณะแบบนี้

Image

_________________
เขียนโดย iGothGirl ที่ 03:36 ไม่มีความคิดเห็น:
ส่งอีเมลข้อมูลนี้BlogThis!แชร์ไปยัง Xแชร์ไปที่ Facebookแชร์ใน Pinterest
ป้ายกำกับ: iFLoWeRs
หน้าแรก
สมัครสมาชิก: บทความ (Atom)

หน้าเว็บ

  • หน้าแรก
  • เกล็ดความรู้เรื่อง iPhone

เกี่ยวกับฉัน

ดูโปรไฟล์ทั้งหมดของฉัน

คลังบทความของบล็อก

  • ▼  2013 (1)
    • ▼  กันยายน (1)
      • Apple ID
  • ►  2011 (3)
    • ►  เมษายน (3)
  • ►  2010 (3)
    • ►  ธันวาคม (3)

ผู้ติดตาม

เรียบง่าย ธีม. ขับเคลื่อนโดย Blogger.